ศูนย์ข้อมูลการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพสำหรับคนรักสุขภาพ พัฒนาศูนย์ออกกำลังกายให้มีความเหมาะสมและเอื้อต่อการให้บริการการออกกำลังกาย
การเลือกการออกกำลังกายแบบเพิ่มความแข็งแรงเพื่อสุขภาพที่ดี
การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งที่ส่งเสริมให้บุคคลนั้นประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ อาทิเช่น ด้านการศึกษา ด้านการทำงาน เป็นต้น เนื่องจากผู้มีสุขภาพแข็งแรงจะมีความสามารถทางร่างกาย จิตใจ และเวลามากกว่าคนที่ไม่แข็งแรง จึงอาจจะกล่าวได้ว่า การมีสุขภาพดีนั้นเป็นเรื่องที่คนทุกคนปรารถนา ดังพุทธสุภาษิตที่ว่า “ อโรคา ปรมา ลาภา” ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ซึ่งการที่เราจะมีสุขภาพที่ได้นั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากการขอพรจากสิ่งศักดิ์ แต่เราทุกคนสามารถสร้างได้ด้วยตัวเอง คือการดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง เช่น การพักผ่อนที่เพียงพอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น โดยเฉพาะการออกกำลังกายนั้นเป็นทั้งยาป้องกันโรค ยารักษาโรค และยาบำรุงอย่างดีที่ไม่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากไปหาซื้อ ดังนั้นการออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อคนทุกเพศทุกวัย
การออกกำลังกายแบบเพิ่มความแข็งแรง
การเลือกการออกกำลังกายแบบเพิ่มความแข็งแรงเข้าไปในโปรแกรมการออกกำลังกายของคุณ จะช่วยพัฒนาการจัดท่าทางร่างกายที่ถูกต้องและช่วยเสริมบุคลิกภาพของคุณได้ นอกจากนี้การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อยังเป็นการช่วยรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ได้ เพราะกล้ามเนื้อสามารถเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าเนื้อเยื่ออื่นๆแม้ในขณะพัก จึงนับเป็นผลกำไรอีกอย่างหนึ่งของการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายแบบเพิ่มความแข็งแรงเป็นการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อสู้กับแรงต้านทาน คุณจึงอาจคุ้นกับคำว่าการออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน ซึ่งสามารถใช้แผ่นยางยืด ดัมเบล เครื่องยกน้ำหนัก หรือแม้แต่ใช้น้ำหนักตัวคุณเองเป็นแรงต้านในการออกกำลังกาย โดยมีเป้าหมายคือการออกกำลังกายกล้ามเนื้อมัดหลักๆทั่วร่างกายให้ได้ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ต้องไม่ใช้น้ำหนักมากจนเกินไป ให้คุณหาระดับความหนักที่พอเหมาะสำหรับตนเองในการออกกำลังกายให้ได้ยกละ 8 – 12 ครั้ง คุณอาจจะตั้งใจออกกำลังกายด้วยการไปที่ห้องออกกำลังกายหรือยกน้ำหนักที่บ้าน แต่กิจกรรมในชีวิตประจำวันหลาย ๆ อย่าง เช่น การหิ้วของหรือการทำสวนก็ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้เช่นกัน
การออกกำลังกายแบบยืดหยุ่น
– ถ้าคุณไม่ค่อยได้ยืดกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ ก็มีโอกาสที่กล้ามเนื้อนั้นจะหดตัวลงและลดความยืดหยุ่น ซึ่งจะทำให้ข้อต่อยึดติดและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ง่าย ดังนั้นจึงควรออกกำลังกายแบบยืดหยุ่นกับกล้ามเนื้อมัดใหญ่ทุกส่วนของร่างกายเป็นประจำทุกวัน
– โยคะ พิลาทิส และ ไทเก็ก เป็นการออกกำลังกายที่เน้นความนุ่มนวลและการยืดหยุ่น การที่คุณค่อยๆผ่อนคลายและยืดกล้ามเนื้อในท่าทางต่างๆค้างท่าไว้สักระยะ พร้อมกับตั้งสมาธิจดจ่ออยู่ที่ลมหายใจ จะทำให้ร่างกายมีทั้งความยืดหยุ่นและความแข็งแรงเพิ่มขึ้น อีกทั้งทำให้คุณได้ผ่อนคลาย การไหลเวียนเลือดดีขึ้น ร่างกายมีความสมดุลและเสริมบุคลิกภาพที่ดี
ข้อปฏิบัติที่สำคัญ
– การเดิน การเล่นฟุตบอลและการว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่ดีและใช้อุปกรณ์เสริมไม่มาก คุณยังสามารถออกกำลังกายโดยลำพังหรือออกกำลังกายร่วมกับเพื่อนๆได้ด้วย
– พยายามยืดเหยียดกล้ามเนื้อหรือเล่นโยคะทุกวัน เพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวข้อต่อและป้องกันการบาดเจ็บ
– พยายามออกกำลังกายแบบเพิ่มความแข็งแรงให้ได้ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรง
การออกกำลังกาย
ประโยชน์ของการเล่นโยคะ เพื่อสุขภาพและความงาม
เนื่องจากการออกกำลังกาย การเล่นกีฬาตลอดจนการบริหารร่างกายเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งของการมีสุขภาพดี และกิจกรรมการออกกำลังกายก็มีมากมายหลายชนิด เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เต้นรำ รำไท้จี๋ ฝึกซิกง และฝึกโยคะ เป็นต้น กิจกรรมแต่ละอย่างมีรูปแบบการเคลื่อนไหวและวิธีการเล่นที่แตกต่างกันไป ซึ่งก็นับว่าเป็นข้อดีเพราะจะทำให้ผู้ที่สนใจเรื่องการดูแลสุขภาพได้มีโอกาสเลือกกิจกรรมการออกกำลังกายตามความชอบและความสนใจของตน
โยคะ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของกิจกรรมการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมเพื่อบริหารกายและจิต ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน จะเห็นได้จากปริมาณของสื่อต่างๆ ได้แก่ หนังสือ วิดีโอ วีซีดี ที่เพิ่มขึ้น โยคะที่ดีต่อสุขภาพก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยเบิร์นแคลอรี่ ปราบเซลลูไลท์ และแก้ปัญหาส่วนเกินในจุดที่คุณสาว ๆ กังวลได้ ถ้ายิ่งฝึกบ่อย ๆ ยังช่วยให้คุณสาว ๆ ดูเด็กลงด้วย ประโยชน์เพียบแบบนี้ชักอยากลุกขึ้นมาฝึกโยคะแล้วสิ แต่ถ้าใครมีปัญหาไม่มีเวลาไปเข้าคอร์สโยคะที่ได้
ปัจจุบันโยคะถือเป็นการออกกำลังกายยอดนิยม ส่วนใหญ่สาวๆ ให้เหตุผลว่าเล่นโยคะแล้วร่างกายฟิตแอนเฟิร์ม หรือการเล่นเป็นประจำเป็นระยะเวลานานก็จะทำให้มีรูปร่างที่ผอมเพรียวและร่างกายที่ยืดหยุ่นดี หากแท้ที่จริงแล้วโยคะอันเป็นศาสตร์ที่กำเนิดขึ้นมานานกว่า 2000 ปีนั้น ให้ประโยชน์แก่ผู้ฝึกอย่างไร
ประโยชน์ทางด้านร่างกาย
– ร่างกายมีความยืดหยุ่น(Flexibility): ร่างกายของผู้ฝึกโยคะจะได้รับยืดเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ ผู้ที่ต้องอยู่ในท่าเดิมๆ เป็นเวลานานๆ ทำให้ร่างกายตึงและยึด เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะฝึกโยคะ
– เพิ่มความแข็งแรง (Strength): ท่าโยคะหลายท่าที่ผู้เล่นจะต้องแบกน้ำหนักของตัวเองในรูปแบบที่แต่งต่างจากในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่นท่า Plank (ลักษณะเหมือนท่าวิดพื้น แต่แขนตรง ไม่งอข้อศอก)
– มีกล้ามเนื้อที่ได้สัดส่วน: ผลพวงของการมีร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นคือร่ายกายจะมีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น และกล้ามเนื้อที่ได้จะได้สัดส่วนทั่วทั้งร่างกาย เนื่องจากท่าโยคะต่างๆ นั้นเป็นการบริการตั้งแต่หัวจรดเท้า
– อาการปวดตามส่วนต่างๆ ในร่ายการจะลดลง : ยกตัวอย่างสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง หลังจากคุณฝึกโยคะร่างกายจะมีพัฒนาการในด้านการยืดหยุ่นและความแข็งแรงเพิ่มขึ้น คนที่ปวดหลังส่วนมากเกิดจากการนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์หรือขับรถเป็นเวลานานๆ ซึ่งอาจจะทำให้เส้นตึง ยึด หรือเส้นประสาทที่กระดูกสันหลังถูกกดทับ ซึ่งถือว่าโยคะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้เหมาะสมอย่างยิ่ง นอกจากนี้ผู้ฝึกจะมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น
– มีการหายใจที่ดีขึ้น: คนส่วนมากมักจะหายใจไม่ลึกและไม่ให้ความสำคัญกับการหายใจเท่าที่ควร การหายใจแบบโยคี (Pranayama) เป็นการฝึกที่ต้องเพ่งความสนใจไปที่ลมหายใจและฝึกให้เราหายใจโดยใช้ปอดอย่างเต็มกำลังความสามารถซึ่งร่างกายทุกส่วนจะได้รับประโยชน์ การหายใจแบบโยคีมีหลายประเภทมาก บางประเภทช่วยให้ช่องทางเดินหายใจเปิดกว้างขึ้น บางประเภทช่วยทำให้ระบบประสาทส่วนกลางที่เกี่ยวกับการทำงานของร่างกาย (central nervous system) สงบและผ่อนคลาย ทั้งนี้ผู้ฝึกจะได้รับประโยชน์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
– โยคะเป็นการออกกำลังการที่ใช้น้ำหนักตัวเองช่วย (weight bearing): ซึ่งจะช่วยให้ความหนาแน่นของกระดูกเพิ่มขึ้น เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงวัยทองผู้เสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน และกระดูกบาง
การออกกำลังกาย, โยคะ
การออกกำลังกายหนึ่งชั่วโมง ร่างกายจะสูญเสียของเหลวได้มากถึงหนึ่งลิตร ปริมาณอาจแตกต่างกันแล้วแต่บุคคล ประเภท และความยาวนานของการออกกำลังกาย ส่วนใหญ่ของเหลวจะสูญเสียทางเหงื่อและทางอากาศที่หายใจออก หากไม่มีการชดเชยก็อาจทำให้เราตกอยู่ในภาวะขาดน้ำได้ ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพและความสามารถในการออกกำลังกายต่อไป ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญในการที่จะได้รับปริมาณของเหลวอย่างเหมาะสมทั้งระหว่าง และหลังการออกกำลังกาย
ก่อนออกกำลังกาย
การรับน้ำอย่างเต็มที่ก่อนการออกกำลังกายเป็นเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น หากอยู่ในภาวะขาดน้ำก่อนที่จะออกกำลังกาย อุณหภูมิของร่างกายจะเพิ่มเร็วขึ้นและหัวใจจะต้องทำงานหนักขึ้นกว่าปกติ ซึ่งจะส่งผลทางลบต่อประสิทธิภาพการทำงานและยังสามารถนำไปสู่ภาวะที่ร้ายแรง หากได้รับน้ำในระดับสูงตลอดวัน และยังไม่ได้ออกกำลังกายมาแปดถึงสิบสองชั่วโมง เราก็ควรจะมีความพร้อมที่จะออกกำลังกายในเวลาไหนก็ได้ของวัน วิธีตรวจสอบโดยคร่าว ๆ ด้วยการตรวจสีของปัสสาวะ ซึ่งควรจะเป็นสีเหลืองอ่อน ยิ่งเข้มเท่าใดแสดงว่าขาดน้ำมากเท่านั้น เมื่อรู้สึกว่าขาดน้ำให้ดื่มน้ำอย่างน้อยสี่ชั่วโมงก่อนออกกำลังกาย หากไม่ผ่านการทดสอบสีปัสสาวะ ให้ดื่มน้ำเพิ่มอีกสองชั่วโมงก่อนออกกำลังกาย ซึ่งน่าจะเพียงพอในการกระจายไปทั่วร่างกายควรตั้งเป้าไว้ว่าจะดื่มน้ำ 400- 600 มิลลิลิตร ใน 2ชั่วโมงก่อนออกกำลังกาย
ระหว่างการออกกำลังกาย
หากมีภาวะขาดน้ำเพียงเล็กน้อยอาจมีผลกระทบทางลบต่อประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ดีที่สุดคือการดื่มน้ำเสียแต่เนิ่นๆ ในวงรอบปกติขณะที่กำลังออกกำลังกายปริมาณน้ำที่ต้องการจะขึ้นอยู่กับปริมาณเหงื่อที่สูญเสีย ระยะเวลาที่ออกกำลังกาย สามารถคำนวณการสูญเสียของเหลวในการออกกำลังกายและประมาณการได้ว่าควรชดเชยน้ำเข้าไปเท่าใด ระหว่างและหลังการออกกำลังกาย โดยการชั่งน้ำหนักตัวเองหลังจากการออกกำลังกายเปรียบเทียบกับน้ำหนักก่อนที่จะออกกำลังกาย สำหรับทุกกิโลกรัมของน้ำหนักตัวที่สูญเสียต้องดื่มน้ำประมาณ 1.5 ลิตรเพื่อชดเชย หากเราออกกำลังกายน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง น้ำคือสิ่งเดียวที่จำเป็นในการป้องกันภาวะขาดน้ำ แต่ถ้าหากออกกำลังกายนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เครื่องดื่มเกลือแร่ที่มีคาร์โบไฮเดรต หรือแม้แต่น้ำผลไม้ จะช่วยได้มาก หากเรากำลังฝึกเพื่อการแข่งขันก็ควรจะฝึกการดื่มในขณะที่ออกกำลังกายด้วย อันนี้จะช่วยให้รู้ว่าเราต้องการน้ำเท่าใดและเมื่อใด มันเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรรอจนกระทั่งรู้สึกกระหายน้ำก่อนที่จะดื่ม เมื่อถึงเวลานั้นก็สายเกินไปแล้วเพราะอยู่ในภาวะขาดน้ำเรียบร้อยแล้ว
หลังการออกกำลังกาย
หลังออกกำลังมาอย่างหนักเราก็พร้อมที่จะดื่มซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้สดชื่นขึ้นเท่านั้น แต่มันช่วยเติมระดับของเหลวในร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อได้พักฟื้นด้วย พึงระลึกว่าเราจะต้องชดเชยของเหลวที่สูญเสียไปขณะออกกำลังกาย ไม่ควรรอจนกระทั่งเสร็จสิ้น ยิ่งชดเชยเร็วเท่าใดก็จะยิ่งฟื้นคืนสภาพได้เร็วเท่านั้น เครื่องดื่มเกลือแร่หรือน้ำที่มีเกลือเล็กน้อยจะช่วยได้มาก ลองกินของเค็มๆดูจะรู้สึกกระหายน้ำทำให้ดื่มน้ำได้มากขึ้นและชดเชยน้ำได้เร็วขึ้น อย่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนหลังการออกกำลังกายเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นยาขับปัสสาวะ ซึ่งหมายความว่ามันจะเอาน้ำออกจากร่างกายเราโดยการเพิ่มปริมาณของปัสสาวะที่ไตของเราผลิต
เต้นแอโรบิค ช่วยให้ปอดและหัวใจทำงานได้ดีขึ้น
การทำกิจกรรมที่ช่วยสร้างเสริมให้ร่างกายคงไว้ซึ่งสุขภาพและความแข็งแรงของร่างกาย การออกกำลังกาย ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และระบบไหลเวียนโลหิต รวมทั้งสร้างเสริมทักษะทางกีฬา การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันและช่วยป้องกันโรคต่างๆ นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยสร้างเสริมสุขภาพจิตและลดความเครียดได้ หลายคนก่อนจะออกกำลังกายมักจะอ้างเหตุผลของการไม่ออกกำลังกาย เช่น ไม่มีเวลา ไม่มีสถานที่ ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ปัญหาเกี่ยวกับอากาศ ทั้งหมดเป็นข้ออ้างที่จะไม่ออกกำลังกาย แต่ลืมไปว่าการออกกำลังกายอาจจะให้ผลดีมากกว่าสิ่งที่เขาเสียไป
การออกกำลังกายเป็นการเผาผลาญไขมัน
เมื่อไขมันในร่างกายถูกใช้ไป เลือดของเราก็เดินทางได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ทำให้ปริมาณไขมันในเลือดลดลง และไตรกลีเซอไรด์ลดลงเช่นกัน ทำให้ลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน เพิ่ม HDL ซึ่งเป็นตัวช่วยลดการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ลดน้ำตาลส่วนเกิน ป้องกันโรคเบาหวาน เพราะว่าเวลาเราออกกำลังกาย ร่างกายจะต้องใช้พลังงานมาก ร่างกายจะไปดึงเอาน้ำตาลมาแปลงเป็นพลังงาน ทำให้ระดับน้ำตาลส่วนเกินในเลือดต่ำลง ลดความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวานได้
ในชีวิตประจำวันของผู้ที่อยู่ในวัยทำงานส่วนใหญ่มักจะบอกเสมอว่าไม่มีเวลาออกำลังกาย เพราะต้องทำงานประจำ แต่อย่าลืมว่าการออกกำลังกายมีความสำคัญที่จะทำให้สุขภาพของท่านสมบูรณ์แข็งแรง เช่นเดียวกับอาหารที่รับประทานและน้ำที่ดื่มเข้าสู่ร่างกาย การออกกำลังกายแบบแอโรบิคเป็นการออกกำลังกายที่มีระยะเวลานานพอสมควร การออกกำลังกายแบบแอโรบิคเป็นกิจกรรมที่มีการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ให้ได้ต่อเนื่อง และเน้นจังหวะอย่างสม่ำเสมอซึ่งเป็นวิธีการออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจและปอดของมนุษย์มีการทำงานมากขึ้น มากกว่าการทำงานในขณะพัก
การออกกำลังกายด้วยการเต้นแอโรบิค เดิน หรือวิ่ง
ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่เน้นความแข็งแรงของปอด และช่วยส่งเสริมให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น โดยสังเกตได้ว่า ครั้งๆแรกที่ไปเต้นแอโรบิค วิ่ง หรือเดินไกลๆจะมีอาการหอบและเหนื่อยง่ายมาก แต่พอไปออกกำลังกายบ่อยๆเข้า จะสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น และเหนื่อยช้าลง เนื่องจากว่าปอดและหัวใจของเราทำงานได้ดีขึ้นนั้นเอง การออกกำลังกายแบบนี้จะสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้พอควร แต่ไม่ได้ทำให้ปัญหาน้ำหนักเกินหรือด้านสัดส่วนหมดไปในเวลาอันสั้น
การออกกำลังกาย, หอบและเหนื่อยง่าย, เต้นแอโรบิค
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพเป็นสิ่งที่ดีสำหรับร่างกาย
การมีสุขภาพดีเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ซึ่งประกอบด้วยการดูแลสุขภาพของตัวเราเองอย่างเหมาะสมถูกต้อง เช่น การรับประทานอาหาร อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การพักผ่อนที่เพียงพอ การป้องกันโรค การใช้ไลฟ์สไตล์ (Life Style) ที่ถูกต้องไม่ทำลายสุขภาพของตัวเราทั้งระยะสั้นและระยะยาว และที่สำคัญคือ การออกกำลังกายที่สม่ำเสมอ ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกาย(กล้ามเนื้อ)มีความแข็งแรง มีความสดชื่น กระฉับกระเฉง เป็นต้น ซึ่งวิธีการออกกำลังกายนั้นทำได้หลายวิธีแตกต่างกันเช่น การเดินเร็ว ๆ การวิ่งเยาะ ๆ การเต้นแกว่งแขน ยกขา อยู่กับที่ ในบ้าน ในสนามหน้าบ้าน การรำมวยจีน ไทเก็ก การใช้ไม้พลองประกอบ การทำโยคะ การเต้นแอโรบิคที่ถูกต้อง และที่สำคัญมาก ๆ คือ จะต้องดูตัวเราเองว่า อายุ สุขภาพ ของเราเหมาะกับการออกกำลังกายแบบไหนดีที่จะมีประโยชน์เหมาะกับร่างกายของเรา มากที่สุด ไม่ใช่ว่าจะออกกำลังกายตามคนอื่น ๆ
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพเป็นสิ่งที่ดีสำหรับร่างกายของคุณ ซึ่งควรจะออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อย 3 – 5 วันต่อสัปดาห์นะคะ ถ้าคุณสามารถทำได้ การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆน้อยลง เพิ่มความแข็งแรง และยังสามารถช่วยลดความอ้วนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวค่ะ การออกกำลังกาย เป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างเสริมให้ร่างกายคงไว้ซึ่งสุขภาพและความแข็งแรงของร่างกาย การออกกำลังกาย ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และระบบไหลเวียนโลหิต รวมทั้งสร้างเสริมทักษะทางกีฬา การออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอจะช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันและช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่นโรคหัวใจ, โรคระบบไหลเวียนโลหิต, เบาหวาน, และโรคอ้วน นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยสร้างเสริมสุขภาพจิตและลดความเครียดได้
การออกกำลังกาย ไม่ได้หมายถึงการต้องไปแข่งขันกีฬากับผู้อื่น แต่การออกกำลังกายเป็นการแข่งขันกับตัวเอง หลายคนก่อนจะออกกำลังกายมักจะอ้างเหตุผลของการไม่ออกกำลังกาย เช่น ไม่มีเวลา ไม่มีสถานที่ ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ปัญหาเกี่ยวกับอากาศ ทั้งหมดเป็นข้ออ้างที่จะไม่ออกกำลังกาย แต่ลืมไปว่าการออกกำลังกายอาจจะให้ผลดีมากกว่าสิ่งที่เขาเสียไป
หลายท่านไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนเมื่อเริ่มออกกำลังกายอาจจะทำให้เหนื่อยง่าย วิธีที่ดีที่สุดของการเริ่มต้นออกกำลังกาย คือให้เริ่มออกกำลังกายจากกิจวัตรประจำวัน เช่น
– ใช้การเดินหรือขี่จักรยานเมื่อไปที่ไม่ไกล
– หยุดใช้รถหนึ่งวันแล้วใช้การเดินไปทำงานสำหรับผู้ที่บ้านและที่ทำงานไม่ไกล
– ใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์หรือบันไดเลื่อน
– ขี่จักรยานรอบหมู่บ้าน
– ทำงานบ้าน เช่นทำสวน ล้างรถ ถูบ้าน
– ขึ้นบันไดหลายขั้น
– ขุดดินทำสวนนานขึ้น
เพราะฉะนั้นการออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็นถ้าเราไม่ออกกำลังหรือออกกำลังไม่พอ ร่างกายก็ผิดปกติ หย่อนสมรรถภาพ บางครั้งถึงกับเป็นโรค ผู้ที่เป็นโรคเพราะเหตุดังนี้ หากได้ออกกำลังก็หายได้ ดังนั้น จึงเปรียบการออกกำลังว่าเป็นอาหารก็ได้ เป็นยาก็ได้
ที่มา http://www.fitecil.org/tag/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2/